ผลการวิจัยตัวใหม่ของ McKinsey & Company แสดงให้เห็นว่าภายในปี 2030 เทคโนโลยี metaverse อาจสามารถเติบโตโดยมีมูลค่าสูงสุดถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์

รายงาน ‘Value Creation in the Metaverse’ [การสร้างคุณค่าในเทคโนโลยี Metaverse] ได้ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบอย่างมากของเทคโนโลยี metaverse ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก

กรุงนิวยอร์ก, ลอนดอน และกรุงปารีส, June 16, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — McKinsey & Company ได้ออกรายงานฉบับใหม่ที่มีชื่อว่า “Value creation in the metaverse” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี metaverse อาจเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราไม่ควรเพิกเฉย การพยากรณ์เบื้องต้นของ McKinsey แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี metaverse มีศักยภาพที่จะเติบโตได้โดยที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 แสดงให้เห็นว่าอีคอมเมิร์ซหรือธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นแรงผลักดันทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด (2.6 ล้านล้านดอลลาร์) นำหน้าภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ การเรียนรู้แบบเสมือนจริง (virtual learning) (270 พันล้านดอลลาร์) การโฆษณา (206 พันล้านดอลลาร์) และอุตสาหกรรมเกม (125 พันล้านดอลลาร์)

เนื่องจากบริษัททุกขนาดและทุกประเภทต่างกำลังมองหาช่องทางที่จะเข้าสู่ตลาดของเทคโนโลยี metaverse ดังนั้นรายงานแบบคลอบคลุมฉบับนี้จึงให้มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับว่าอะไรใช่และอะไรไม่ใช่สำหรับเทคโนโลยี metaverse กลุ่มนักลงทุนที่เข้าตลาดช่วงแรก ๆ เป็นอย่างไร อะไรเป็นสิ่งผลักดันให้เกิดการลงทุน และศักภาพสำหรับผู้บริโภคและบริษัทประเภท B2B

รายงานนี้จัดทำขึ้นโดยจากการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกหลากหลายต่าง ๆ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทวิจัยแห่งนี้ที่รวมถึงการสำรวจผู้บริโภคและผู้บริหารจำนวนมากกว่า 3,400 คนเกี่ยวกับรับเอาเทคโนโลยี metaverse มาใช้ ศักยภาพ และผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ที่มีต่อพฤติกรรม นักวิจัยยังได้สัมภาษณ์ผู้สร้างและผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมด้าน metaverse นี้ด้วย

“metaverse เป็นจุดเปลี่ยนเว้าเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทต่าง ๆ และแสดงถึงโอกาสที่มีนัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อวิถีการดำรงชีวิต การเรียนรู้ การสร้างนวัตกรรมใหม่ และการทำงานร่วมกันของเรา” Eric Hazan หุ้นส่วนอาวุโสของบริษัท McKinsey & Company กล่าว “ความมุ่งหวังของเราก็คือเพื่อช่วยเหลือผู้นำทั้งผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ ในแบบ B2B ได้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพลังอำนาจและศักยภาพของ metaverse ระบุแผนกลยุทธ์ และเป็นแรงผลักดันเพื่อการวิวัฒนาการ”

อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนการลงทุนในธุรกิจด้าน metaverse
บริษัท ธุรกิจเงินร่วมลงทุน และบริษัททุนนอกตลาดต่างๆ ได้เริ่มแล้วในปีนี้โดยได้ลงทุนในอุตสาหกรรม metaverse ที่มีมูลค่ามากกว่า 120 พันล้านดอลลาร์—มากกว่าการลงทุนในปีที่ผ่านมาเป็นสองเท่าซึ่งในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการลงทุน 57 พันล้านดอลลาร์

มีหลายปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดความกระตือรือร้นของนักลงทุนเหล่านี้ ได้แก่:

  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบต่อเนื่องในด้านปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อการเติบโตของ metaverse
  • แรงลมส่งด้านประชากร
  • การมีส่วนร่วมและการตลาดของแบรนด์โดยที่ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดทิศทางที่แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • ความพร้อมของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากผู้ใช้ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในเทคโนโลยี metaverse เวอร์ชั่นของยุคปัจจุบันซึ่งอุตสาหกรรมเกมมีส่วนขับเคลื่อนอย่างมากในขณะที่แอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อการใช้งานด้านสื่อสังคมออนไลน์ ด้านสุขภาพ ด้านการค้า การเรียนรู้เสมือนจริง และการใช้งานด้านอื่น ๆ

เกมเมอร์จำนวนมากกว่าสามพันล้านคนทั่วโลกได้เข้าถึง meteverse ในเวอร์ชันต่าง ๆ แล้วในตอนนี้

Lareina Yee หุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey & Company กล่าวว่า “แม้ว่ามีแนวความคิดการเชื่อมต่อเสมือนจริงมาหลายทศวรรษแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันโลกแห่งความเป็นจริงกำลังมาแรงอย่างมาก กล่าวคือ คนเป็น ๆ เป็นผู้ใช้งาน ใช้จ่ายด้วยเงินจริง ๆ และบริษัทต่าง ๆ กำลังมีการเดิมพันครั้งใหญ่” “กระนั้นก็ตาม กระแสที่กำลังบูมนี้ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะแยกความตื่นเต้นเกินบรรยายนี้ออกจากความเป็นจริงได้ สิ่งที่น่าจดจำก็คือแม้ว่าภาวะฟองสบู่ไอที (dot-com boom) ในช่วงแรกนั้นได้ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ จำนวนมากต้องปิดตัวลงก็ตาม แต่อินเทอร์เน็ตเองประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้มีบริษัทใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด”

ผู้บริโภคมีส่วนร่วมใน metaverse แล้วในตอนนี้
ผู้บริโภคได้เริ่มใช้งานเทคโนโลยีนี้แล้ว งานวิจัยของ McKinsey ได้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภครู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนผ่านชีวิตไปสู่ยุค metaverse โดยที่มีตัวเลขประมาณหกในสิบ (59%) ของผู้บริโภคที่ต้องการอย่างน้อยหนึ่งประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี metaverse มากกว่าประสบการณ์การใช้ในลักษณะแบบทางกายภาพทั่วไป

ในจำนวนผู้บริโภคเหล่านี้ กิจกรรมบางประเภทมีความโดดเด่นโดยเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุดในเทคโนโลยีเสมือนจริง กิจกรรมเหล่านี้ได้แก่:

  • การซื้อสินค้า—การซื้อสินค้าจริงหรือสินค้าเสมือนจริง (79%)
  • การเข้าร่วมงานกิจกรรมทางสังคมแบบเสมือนจริงหรือการเล่นโซเชียลเกม (78%)
  • การออกกำลังกายด้วยการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (76%)

ผู้บริหารอาวุโสเชื่อว่า metaverse จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมของพวกเขา
ผู้นำธุรกิจต่างมองเห็นถึงศักยภาพของ metaverse ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบและการเติบโตทางธุรกิจ เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของผู้นำเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขาคาดหวังว่า metaverse จะมีผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมของตนภายในช่วงห้าถึงสิบปี โดยที่มีผู้นำธุรกิจจำนวน 31 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า metaverse จะทำให้การดำเนินธุรกิจของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปในด้านปัจจัยพื้นฐาน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้นำหนึ่งในสี่คาดหวังว่าเทคโนโลยี metaverse จะขับเคลื่อนการเติบโตของอัตรากำไรทั้งหมดขององค์กรได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ในอีกห้าปีข้างหน้า

Tarek Elmasry หุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey & Company กล่าวว่า “เทคโนโลยี metaverse ทำให้เราอยู่ ณ จุดเปลี่ยนผ่านที่จะเข้าสู่คลื่นลูกใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัล” “เทคโนโลยีนี้คือสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำรงชีวิตส่วนตัวและการดำเนินธุรกิจซึ่งนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกิจการธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริโภค และพลเมืองอาจต้องการเรียนรู้ศึกษาและเข้าใจให้มากเท่าที่จะทำได้เพื่อสามารถเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์นี้ที่ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเป็นตัวหนุนและอาจมีการขยายขอบเขตแผ่หลายออกไปยังเศรษฐกิจและสังคมของเราได้”

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมและหากต้องการอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ กรุณาคลิก ที่นี่

เกี่ยวกับรายงาน
McKinsey ได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคและผู้บริหารอาวุโสจำนวนมากกว่า 3,400 คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนิสัยของผู้ใช้งานเทคโนโลยี metaverse ในปัจจุบัน — กล่าวคือ ในส่วนที่เกี่ยวกับแรงจูงใจ สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ และสิ่งที่พวกเขาคาดหวังที่จะทำ ในการวิเคราะห์ศักยภาพด้านการสร้างคุณค่าของเทคโนโลยี metaverse และรูปแบบการลงทุนทั้งหมด เราได้ศึกษาตัวขับเคลื่อนกิจกรรมในบรรดาบริษัท ธุรกิจร่วมลงทุน และกองทุนนอกตลาดต่าง ๆ เราได้ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของ metaverse ที่อาจมีต่อหมวดธุรกิจต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดมากที่สุดกับเทคโนโลยีและการใช้งานซึ่งเราได้ศึกษาเสริมเพิ่มเติมด้วยการวิจัยเพิ่มเติม กรณีศึกษา และตัวอย่างการใช้งานในโลกความเป็นจริง นอกจากนี้รายงานยังรวมเอาข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ห้าอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย แฟชั่น และสินค้าฟุ่มเฟือย อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคในรูปแบบแพ็คเกจ อุตสาหกรรมด้านบริการทางการเงิน อุตสาหกรรมธุรกิจค้าปลีก และอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคม สื่อมีเดีย และเทคโนโลยี

เกี่ยวกับบริษัท McKinsey & Company
McKinsey & Company เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการระดับโลกแห่งหนึ่งที่มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ ให้มีการเติบโตอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน เราทำงานร่วมกับลูกค้าต่าง ๆ ทั่วโลกในหมวดธุรกิจภาคเอกชน ภาครัฐและภาคสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของลูกค้าเหล่านี้ เราผสมผสานกลยุทธ์และเทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อช่วยเหลือองค์กรในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น มีผลการดำเนินงานที่ทำกำไรแบบยาวนาน และสร้างบุคลากรที่มุ่งสู่ความสำเร็จเพื่อคนในรุ่นนี้และคนรุ่นถัดไป

เกี่ยวกับการเติบโต การตลาด และการขาย, McKinsey & Company
ภารกิจของแผนก McKinsey’s Growth, Marketing & Salesภารกิจที่ต้องปฏิบัติก็คือเพื่อช่วยเหลือผู้นำบริษัทลูกค้าทั้งระดับผู้บริโภคและระดับธุรกิจกับธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่สำคัญผ่านกระบวนการเปลี่ยนผ่านที่มีความหมายและกำไรที่ขับเคลื่อนด้วยการตลาด การปฏิบัติหน้าที่นี้จะช่วยให้ลูกค้าของบริษัทสามารถกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ พัฒนาขีดความสามารถด้านการตลาดและการขาย และเชื่อมต่อองค์กรเพื่อตระหนักถึงศักยภาพของโอกาสการติดต่อลูกค้าแบบหลากหลายช่องทาง ลูกค้าได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ของ McKinsey ในขอบเขตหลักสำคัญได้แก่ ด้านการเติบโต การตลาด และการขาย เช่น กลยุทธ์ด้านการเติบโต, การสร้างแบรนด์, ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า, ROI ด้านการตลาด, การตลาดแบบดิจิทัล, CLM, การกำหนดราคา, และการจัดการด้านการขาย และช่องทางการขาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
ผู้ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา: MaryLiz Ghanem, DiGennaro Communications, McKinsey-DiGennaro@digennaro-usa.com, +1 917 518 8422

ผู้ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ในสหราชอาณาจักร: Ruth Jones, 3THINKRS, mckinsey@3thinkrs.com, +44 0208 0872843

Enhancing hotel guest experiences with Book4Time through a new way to book and manage spa services – all from the touch on our iMirror

CALGARY, Alberta, June 15, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — NOBAL Technologies, the global technology company behind the iMirror and Book4Time, a leading cloud-based spa management software for hotels, resorts, gyms, and private clubs, announce their strategic partnership agreement that reimagines the way hotel guests’ book spa services.

While the iMirror technology is new to hotel and resort guests, it stands to benefit the hospitality industry. According to NOBAL CEO Bill Roberts, the iMirror leads to increased exposure to hotel profit centers (i.e., restaurants, spas, event tickets, hotel gift shops, etc.), properties can expect to see a swift return on investment: in the retail sector, NOBAL clients have reported that they’ve recouped their original investments quickly.

“Running a hotel spa is challenging,” says founder of Book4Time Roger Sholanki, “our technology helps everything on the operations side including managing bookings, staff scheduling and inventory tracking.” Sholanki continues, “When we first laid eyes on the iMirror we instantly saw the potential to expand the use of our technology. Imagine a way for a resort or hotel property to eliminate the need for a guest to call down to the concierge desk to book a spa service. This partnership gives the guest the freedom to book their treatment from the comfort of their suite. And alleviates the call volume at Front Desk allowing hotel staff to greet guests.”

Roberts adds, “We are committed to creating the hospitality experience of the future, we are confident that this collaboration will become a new standard of guest features, utilizing our technology solution and putting the guest experience first.”

The iMirror can be seen in action at the NOBAL booth at the Hospitality Industry Technology Exposition and Conference (HITEC) on June 27-30th in Orlando, FL.

About NOBAL

NOBAL Technologies is a Canadian-based firm and the leading provider of intelligent mirror technology for hoteliers around the world. Utilizing cutting-edge technology, NOBAL’s iMirror elevates the customer experience by allowing shoppers and guests to search, select, and buy from a complete range of inventory and services — all from the touch on our iMirror.

For more information, visit www.NOBAL.ca

About Book4Time

Book4Time is the leading cloud-based spa, wellness and leisure activity management software for the world’s top hotels and resorts, used by more Forbes 5-Star resorts than any other vendor. Book4Time manages the end-to-end guest experience for international hotels, resorts, casinos, golf and private member clubs operating in over 85 countries worldwide and is the preferred solution for some of the world’s largest and most prestigious brands.

For more information, visit www.book4time.com

CONTACT:
Dakota Chan, Marketing and Sales Coordinator
NOBAL Technologies Inc.
www.nobal.ca | dchan@nobal.ca