Day: November 19, 2021

CALGARY, Alberta, Nov. 19, 2021 (GLOBE NEWSWIRE) — Upper Canada Mining (UCM or UC Mining or the Company) is pleased to announce that a $25,000,000 standby equity funding facility has been arranged with US-based institutional investment group LDA Capital (LDA).

The facility can be drawn at the discretion of the Company and will be used to advance the Company’s ongoing expansion, exploration and acquisition activities.

The Company has executed a Put Option agreement (POA) with LDA which will provide flexibility for the Company to access additional equity as required at the Company’s election.

The facility enables the Company to issue shares to LDA over the next 3 years at the Company’s discretion and receive funds for issue of those shares under the following key terms:

• Term 36 months
• Put option of up to $25 million at the Company’s election
• The Put option is priced at 90% of the 15 day VWAP of the Company’s shares following the exercise by the Company with a minimum price set by the Company
• In any Put Option period, the Company may issue a Put Option Notice for up to one thousand percent (1,000%) of the average daily trading volume for the fifteen (15) trading days prior to the Put Option Notice (“Trading Volume”).
• An Option Premium Fee equal to two percent (2.00%) of the Total Commitment, will be payable in cash upon proceeds from the Put Option exercises

LDA can hold a maximum of 19.9 percent of the outstanding share capital of the Company.

About Upper Canada Mining Inc.
Upper Canada Mining is a private company incorporated and registered in Canada that is in the business of mining, exploration and production, primarily in gold and silver.

UCM recently executed an Option Agreement with Strategic Metals and is focused on the Mt. Hinton project in Yukon Territory.

About LDA Capital
LDA Capital is a global alternative investment group with expertise in complex, cross border transactions worldwide. The LDA team members have dedicated their careers to international and cross border opportunities having collectively executed over 200 transactions in both the public and private markets across 42 countries with aggregate transaction values of over US$10 billion. For more information please visit: www.ldacap.com; For inquires please email: info@ldacap.com

For further information and updates contact:
James Beals
ir@ucmining.com

บริษัทใช้งานแพลตฟอร์มรับส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสซึ่งได้มาตรฐาน HIPAA/GDPR เพื่อหยุดการใช้งานแอปรับส่งข้อความระดับผู้บริโภคทั่วไป และช่วยให้การสื่อสารภายในองค์กรและการสื่อสารกับผู้ป่วยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ชิคาโก, Nov. 19, 2021 (GLOBE NEWSWIRE) — NetSfere ผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกด้านระบบรับส่งข้อความและระบบเคลื่อนที่แห่งอนาคตซึ่งปลอดภัยและได้มาตรฐาน ในวันนี้ได้แถลงข่าวความร่วมมือกับ Deutsche Telekom หนึ่งในบริษัทโทรคมนาคมบูรณาการชั้นนำของโลก เพื่อนำแพลตฟอร์มรับส่งข้อความผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ปลอดภัยของ NetSfere มาใช้ในโรงพยาบาลทุกแห่งของ St. Augustinus กลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำของเยอรมัน

เครื่องมือการสื่อสารที่รวดเร็วทันใจนั้นให้ประโยชน์ในด้านประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างพนักงานอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม St. Augustinus ก็พบว่าพนักงานมีแนวโน้มใช้อุปกรณ์ส่วนตัวและแอปรับส่งข้อความยอดนิยมอย่าง WhatsApp มากขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งอาจเกิดก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ร้ายแรง เพื่อเป็นการตอบสนองปัญหานี้ NetSfere และ Deutsche Telekom จึงได้ร่วมมือกันเพื่อแพลตฟอร์มรับส่งข้อความของ NetSfere ที่ได้มาตรฐาน HIPAA และ GDPR มาใช้งาน ซึ่งให้ฟังก์ชันไม่ต่างจากแอปอื่นๆ อย่างเช่น WhatsApp แต่มีการเข้ารหัสแบบ End-to-end ที่มีความปลอดภัยระดับสูงสุดผ่านศูนย์ข้อความที่ปลอดภัยมากของ Deutsche Telekom

“NetSfere ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบต่างๆ ในแวดวงจำเพาะที่มีการกำกับดูแล รวมถึงวงการดูแลสุขภาพ” กล่าวโดย Franz Obermayer รองผู้อำนวยการของ NetSfere สาขายุโรป “งานของบุคลากรทางการแพทย์นั้นมีความกดดันสูงและเปลี่ยนชีวิตของผู้คน จึงต้องการแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ช่วยให้พวกเขาสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การร่วมมือระหว่างเรากับ St. Augustinus Group มอบทางเลือกการรับส่งข้อความที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และยืดหยุ่น ทำให้พนักงานไม่ต้องหันไปใช้แอปส่งข้อความที่มีความเสี่ยง ด้วย NetSfere การแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วยจะได้รับการปกป้องในระดับสูงสุด”

ต่างจากแอปรับส่งข้อความระดับผู้บริโภค NetSfere นั้นมอบฟังก์ชันระดับองค์กรที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันและอำนวยความสะดวกในการสื่อสารต่างๆ รวมถึงฟังก์ชันรับส่งข้อความส่วนบุคคลและกลุ่ม, การโทรระบบเสียงแบบ HD, การแชร์หน้าจอ และการโทรระบบวิดีโอแบบกลุ่ม ฟีเจอร์ใหม่ของแพลตฟอร์ม NetSfere Lifeline เป็นฟีเจอร์การเผยแพร่ฉุกเฉินช่วยให้ทีมทรัพยากรมนุษย์และทีมรับมือวิกฤตสามารถกระจายคำเตือนที่มีลำดับความสำคัญสูงและข้อมูลเหตุฉุกเฉินให้กับทีมงานเป้าหมายหรือทั้งองค์กรได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบที่เตะตา St. Augustinus ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์การเผยแพร่ของ NetSfere ภายในโรงพยาบาลเพื่อช่วยให้พนักงานได้ทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคระบาดผ่านช่องทางของ NetSfere Lifeline “Corona Ticker”

“ในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่ละเอียดอ่อน เราจะต้องสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย NetSfere เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านระบบส่งข้อความด่วนภายในบริษัทต่างๆ ขณะที่ Telekom มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย การให้คำปรึกษา และการให้บริการ การร่วมมือกันทำให้เราสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับพิเศษของวงการ ซึ่งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างจำเป็นในปัจจุบัน” กล่าวโดย Hagen Rickmann ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายลูกค้าธุรกิจ, Telekom Deutschland GmbH “ด้วยวิธีนี้ เราสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงานได้โดยตรง และให้การสนับสนุนเพื่อการดูแลผู้ป่วยที่เต็มประสิทธิภาพ”

“เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเตรียมเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับพนักงาน พวกเขาจะต้องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกัน เราก็ต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยด้วย” Rainer Pappert ผู้อำนวยการบริหารของ St. Augustinus Group กล่าว “ด้วยการเปิดตัวของ NetSfere พนักงานของเราก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ นั่นคือ พวกเขาต้องการใช้อุปกรณ์ของตัวเอง และพวกเขาต้องการใช้แอปรับส่งข้อความที่ใช้งานง่าย ดังนั้น เราจึงเปิดตัว NetSfere สำหรับการสื่อสารภายในองค์กรอย่างรวดเร็ว ด้วยระบบดังกล่าว พนักงานของเราจึงทำงานได้มากขึ้น และร่วมงานกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีแค่ระหว่างทีมเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีกับทั้งกลุ่มบริษัทด้วย และนั่นก็เท่ากับจำนวนคนถึง 5,600 คน”

เหตุผลที่ St. Augustinus เลือก NetSfere เป็นโซลูชันสำหรับพนักงานนั้น ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันการทำงานที่เชื่อถือได้ แต่เพราะโซลูชันยังเป็นที่ยอมรับในวงการอีกด้วย ในปี 2018 และ 2019 ทาง NetSfere ได้รับเลือกโดย Entscheiderfabrik แพลตฟอร์มสำหรับผู้มีหน้าที่ตัดสินใจทาง IT ของโรงพยาบาลในเยอรมนีมากกว่า 800 แห่ง ให้เป็นผู้ชนะรางวัลในหมวด “Digitization Topic of the German Healthcare Industry” (หัวข้อการปรับระบบดิจิทัลของวงการดูแลสุขภาพประเทศเยอรมนี)

“ไฮไลต์สำคัญจาก VoTE ของเราที่เผยแพร่ล่าสุด: Digital Pulse, Business Reinvention & Transformation 2021 แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของข้อมูล ผลิตภาพของพนักงาน และความต่อเนื่องทางธุรกิจ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งผู้มีหน้าที่ตัดสินใจทาง IT คำนึงถึง” กล่าวโดย Raúl Castañón-Martinez นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการร่วมมือของแรงงานจาก 451 Research ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฝ่าย S&P Global Market Intelligence ปัจจัยเหล่านี้จะขับเคลื่อนข้อกำหนดของตลาดสำหรับการสื่อสารและร่วมงานทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่, รีโมต/ไฮบริด และพนักงานแนวหน้าในแวดวงจำเพาะต่างๆ และกรณีการใช้งาน เช่น พนักงานภาคสนามและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ”(1)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.netsfere.com

^1. 451 Research ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายงานจาก S&P Global Market Intelligence, “สถานที่ทำงานแบบไฮบริด ตอนที่ 3: ข้อกำหนดที่เกิดใหม่และกรณีการใช้งานสำหรับการสื่อสารและการร่วมงานแบบเรียลไทม์” (สิงหาคม 2021)

เกี่ยวกับ NetSfere
NetSfere เป็นบริการและแพลตฟอร์มรับส่งข้อความระดับองค์กรที่ปลอดภัยของ Infinite Convergence Solutions, Inc NetSfere มอบการรักษาความปลอดภัยระดับชั้นนำของวงการและศักยภาพในการรับส่งข้อความ ซึ่งรวมถึงความพร้อมในการให้บริการผ่านคลาวด์ในระดับโลก, การเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ถึงอุปกรณ์, ฟีเจอร์ที่ทำงานตามตำแหน่งที่ตั้ง และการควบคุมเชิงบริหาร นอกจากนี้เรายังให้บริการโดยร่วมมือกับ Deutsche Telekom GmbH หนึ่งในบริษัทโทรคมนาคมครบวงจรชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก และ NTT Ltd. ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารข้อมูลและเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อร่วมมือกันนำเสนอ NetSfere ให้กับลูกค้าทั่วโลก บริการนี้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของ Infinite Convergence ในการส่งมอบโซลูชันความคล่องตัวแก่ผู้ประกอบการมือถือระดับชั้น 1 ทั่วโลก และเทคโนโลยีที่สนับสนุนผู้สมัครบริการมากกว่า 400 ล้านคน และข้อความมากกว่าล้านล้านรายการในแต่ละปี นอกจากนี้ NetSfere ยังปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับระดับโลก อย่างเช่น GDPR, HIPAA, Sarbanes-Oxley, ISO 27001 และอื่นๆ Infinite Convergence Solutions มีสำนักงานในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย และสิงคโปร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.netsfere.com

เกี่ยวกับ Deutsche Telekom
Deutsche Telekom เป็นหนึ่งในบริษัทโทรคมนาคมครบวงจรชั้นนำของโลก ด้วยลูกค้าระบบอุปกรณ์เคลื่อนที่ 242 ล้านราย, เครือข่ายแบบเดินสาย 27 ล้านสาย และเครือข่ายบรอดแบนด์ 22 ล้านสาย เราให้บริการเครือข่ายแบบประจำที่/บรอดแบนด์, การสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ต ผลิตภัณฑ์และบริการ IPTV สำหรับผู้บริโภค รวมถึงโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สำหรับลูกค้าระดับธุรกิจและองค์กร Deutsche Telekom ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ ด้วยพนักงาน 226,300 คน (สถิติเมื่อ 31 ธันวาคม 2020) ทั่วโลก เราสร้างรายได้ 1.01 แสนล้านยูโรในปีงบประมาณ 2020 ซึ่งประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์นั้นมาจากนอกเยอรมนี

เกี่ยวกับ St. Augustinus Group
องค์กรไม่หวังผลกำไรชาวคริสเตียน St. Augustinus Group เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จสูงสุดในวงการสุขภาพและสังคมของ Rhineland บริษัทเน้นให้บริการด้านโซมาติกส์ จิตเวช และการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการ กลุ่มบริษัทมี 3,000 เตียง พนักงานมากกว่า 5,600 คนจาก 68 เชื้อชาติ มีศูนย์ปฏิบัติงาน 85 แห่ง และรายได้ประมาณ 345 ล้านยูโร (ปี 2019)

ผู้ติดต่อฝ่ายสื่อ
Brittany Johnson
Uproar PR สำหรับ NetSfere
bjohnson@uproarpr.com
312-878-4575 x246

สามารถรับชมวิดีโอประกอบของข่าวประชาสัมพันธ์นี้ได้ที่:

https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/d49c9ba2-b23b-490d-8c39-7cf18d6933df

– Industry-leading technology represents 75 years of aggregate research in Graph Reasoning
– Enhances all use cases with quick access to insights not readily discoverable today

SAN FRANCISCO, Nov. 19, 2021 (GLOBE NEWSWIRE) — Meltwater B.V., a leading global SaaS provider of media intelligence and social analytics, has entered into a definitive agreement to acquire artificial intelligence start-up DeepReason.ai, a spin-off from Oxford University’s computer science department, for $7.3m in a combination of cash and Meltwater equity including earn-outs contingent on reaching technical milestones and retention requirements.

DeepReason.ai was established in 2018, and is one of the leading companies within the field of AI known as “reasoning”. Their unique technology is based on the Value Added Data Systems (VADA) research project, which was funded by UK research council EPSRC. This work represents 75 years of aggregate R&D experience, and is overseen by Georg Gottlob, Oxford professor and Fellow of the Royal Society.

Knowledge graphs are AI systems that connect data. Connected data, enriched with meaning, is foundational in getting answers to complex queries and deriving insights with more efficiency. DeepReason.ai has developed a powerful reasoning engine with an industry-first ability to maintain incremental views of knowledge graphs, and has solved the costly challenge of updating and maintaining complex knowledge graphs at scale.

Today, Meltwater ingests and processes over 800 million documents a day, extracting new information on over 14 million companies, 50 million public personas (such as key decision makers within those companies and social media influencers) and 75 million topics. Every day, this knowledge graph expands by incorporating 2 billion connections to conversations around these companies, public personas and topics.

“With the DeepReason.ai acquisition, Meltwater will be in a unique position to continue expanding this knowledge graph to discover even more connections and insights. For the last two decades, Meltwater’s proprietary search engine has powered the insights and analytics offered to our customers. Going forward, Meltwater’s reasoning engine will both simplify and advance the way that our customers generate insights in our product, with capabilities that extend beyond a traditional search engine,” said Meltwater CTO Aditya Jami.

“The acquisition of DeepReason.ai, and the integration of their reasoning engine, will allow our customers to make use of our product in new and innovative ways, gaining quick access to new types of insights that are not readily discoverable today. As our customers turn to Meltwater to help them better understand and analyze millions of documents every day, we continue to invest in our underlying technology and AI models in order to serve up sophisticated insights, in real-time, making our customers both more efficient, and better informed – enabling more strategic decision making,” said Meltwater CEO, John Box.

“We are proud to join Meltwater’s ambitious undertaking to build one of the world’s largest knowledge graphs of public information,” said Dr. Stéphane Reissfelder, CEO of DeepReason.ai. “This is the second AI spin-off from Oxford University that Meltwater has acquired, and we are excited about working for a company that appreciates academic research accomplishments and has the knowledge and skills to convert them into commercial applications.”

DeepReason.ai has five full-time and four part-time employees, of which seven hold PhD degrees, who will all join the Meltwater team. Upon integration, DeepReason.ai’s business is not expected to have a material impact on Meltwater’s 2021 revenue forecast. The DeepReason.ai acquisition will be Meltwater’s fourth acquisition since the company was listed on Euronext Growth Oslo in December 2020.

The information contained in this statement has not been audited and may be subject to change. Please see Meltwater Company Disclosures on https://www.meltwater.com/en/about/investor-relations to stay up to date on company news and updates.

For further information, please contact:
Geir Harald Aase
Investor Relations and Media Contact
geir.aase@meltwater.com

About Meltwater
Meltwater provides social and media intelligence. By examining millions of posts each day from social media platforms, blogs and news sites, Meltwater helps companies make better, more informed decisions based on insight from the outside. The company was founded in Oslo, Norway, in 2001 and is headquartered in San Francisco, California, with 50 offices across six continents. The company has 2,100 employees and 27,000 corporate customers, including industry leaders in several sectors. Learn more at meltwater.com.

ผลิตภัณฑ์เพอร์เพชชวลสแว็ป (Perpetual Swap) มีการเติบโตขึ้นมากที่สุด ตามมาด้วยสปอตเทรด (Spot Trading)

วิคตอเรีย, เซเชลส์, Nov. 19, 2021 (GLOBE NEWSWIRE) — ในวันนี้ OKEx ระบบนิเวศน์ DeFi และการซื้อขายสกุลเงินคริปโตชั้นนำได้รายงานการเจริญเติบโตของมูลค่าการซื้อขายขึ้นจากปีที่แล้ว 308% มูลค่าการซื้อขายทรัพย์สินรวมของ OKEx เติบโตขึ้นจาก 1.8 ล้านล้านดอลล่าร์ในเดือนตุลาคม 2020 เป็น 7.4 ล้านล้านดอลล่าร์ในเดือนตุลาคม 2021

เมื่อพิจารณาการเติบโตอย่างมหาศาลนี้ออกเป็นส่วน ๆ ก็จะพบกว่าผลิตภัณฑ์เพอร์เพชชวลสแว็ปใน OKEx มีการเพิ่มขึ้นสูงสุดโดยมีปริมาณการซื้อขายเติบโตขึ้นถึง 455% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์สกุลเงินคริปโตในตลาดสปอตและฟิวเจอร์ก็มีการเติบโตอย่างมากเช่นกัน โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 365% และ 209% ตามลำดับ

ในเดือนตุลาคม 2021 ทั้ง BTC, DOGE, SHIB, OKB, ETH และ SOL ต่างติดอันดับทรัพย์สินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 10 อันดับในตลาดสปอต OKEx ปริมาณการซื้อขายสปอตรวมสำหรับทรัพย์สินทั้ง 10 รวมกันมีมูลค่าต่อเดือนสูงกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจในระดับอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อมีมคอยน์รูปสุนัข และการเงินแบบไม่รวมศูนย์

ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ OKEx มีแรงผลักดันส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทเป็นผู้นำทางการตลาดในการเข้าสู่วงการ DeFi, GameFi และโทเคนแบบทดแทนไม่ได้ (NFT) ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ OKEx ได้เปิดให้บริการโหมด DeFi ทั้งในเว็บไซต์และแอปโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีคุณสมบัติวอลเลต Web 3.0 แบบปรับแต่งได้เอง และตลาด NFT รวมถึงศูนย์เกมคริปโตซึ่งสามารถเล่นเกมเพื่อหารายได้ด้วย แพลตฟอร์มนี้เพิ่งจะเปิดให้บริการการซื้อขายล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า พอร์ตโฟลิโอมาร์จิน (Portfolio margin) ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุนสำหรับเทรดเดอร์ที่เป็นสถาบันและมืออาชีพโดยเฉพาะ

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการเจริญเติบโตอย่างมากมายในปีที่ผ่านมา” Jay Hao ซึ่งเป็น CEO ของ OKEx กล่าว พร้อมเสริมว่า

“สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากการสนับสนุนจากลูกค้าคนสำคัญของเรา นั่นก็คือครอบครัว OKEx ที่น่าเชื่อ ในปีที่ผ่านมา เราดำเนินการตามพันธกิจในการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นด้วยบริการต่าง ๆ อันหลากหลาย เช่นโหมด DeFi บน OKEx ซึ่งรวมถึงวอลเลตไม่รวมศูนย์แบบจัดการเอง รวมถึงตลาดซื้อขาย NFT และบล็อกเชนเกมเซ็นเตอร์

เพื่อสนับสนุนเทรดเดอร์สถาบันและระดับอาชีพ เราได้เปิดให้บริการระบบพอร์ตโฟลิโอมาร์จินแบบเสมือน CME ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามของเราในการสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ทรงพลังที่สุดของโลกสำหรับคริปโตเทรดเดอร์ เนื่องในโอกาสการฉลองครบรอบสี่ปีของเรา เรามุ่งมั่นที่จะขยายข้อเสนอของเราและสร้างการเจริญเติบโตของครอบครัวของเราในตลาดโลกให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นไปอีก” 

Andrea Leung
andrea.leung@okex.com